เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒o ก.พ. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาคนถ้ามีหลักมีเกณฑ์นะ มันเหมือนสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีชีวิตมันเข้าได้กับทุก ๆ อย่าง เหตุการณ์อย่างไรถ้าเราเป็นสิ่งที่มีชีวิตเหมือนคนตื่นอยู่ เห็นไหม คนหลับอยู่ เหตุการณ์เกิดขึ้นเราแก้ไขไม่ได้หรอก ถ้าคนตื่นอยู่มีเหตุการณ์ขึ้นมา เราจะเปลี่ยนแปลง เราจะแก้ไขเหตุการณ์ได้ สิ่งที่มีชีวิตไง แต่สิ่งที่มีชีวิตนี่คือหลักการ คือสัจจะความจริง

แต่วัฒนธรรมประเพณีเวลามันเคลื่อนมา ถ้ามันสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่รับรู้นี่มันเข้าใจตรงนี้ เวลาเขาพูดถึงธรรมะ ว่าเขาเป็นฮินดูใช่ไหม แล้วคิดว่าพ่อแม่เป็นเทวดา พ่อแม่เป็นใหญ่ ใช่..พ่อแม่เป็นใหญ่ ในศาสนาพุทธเราก็พ่อแม่เป็นใหญ่ เพราะอะไร? เพราะพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่นี่เป็นพระอรหันต์ของลูกนะ เพราะอะไร?

เพราะว่าอนันตริยกรรม ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด ฆ่าพระอรหันต์ ฆ่าพ่อฆ่าแม่ อนันตริยกรรม มีกรรมเท่ากัน เห็นไหม พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เพราะว่าลูกเกิดมาจากพ่อแม่ แต่เกิดมาจากพ่อแม่ แล้วพ่อแม่เรามีกิเลสไหม? เพราะเรามีกิเลสใช่ไหม

ทางฮินดูเขาบอกว่าพ่อแม่เปรียบเหมือนเทวดา เทวดาเป็นใหญ่ พอเทวดาเป็นใหญ่ปั๊บ เราก็บอกเลย พระสารีบุตร เวลาเอาแม่ เวลามาบวช แม่พระสารีบุตรลูกเป็นพระอรหันต์หมดเลย แล้วพระสารีบุตรคิดถึงนะคิดถึงแม่มาก “แม่เรานี่เป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่เลย จะแก้ไขอย่างไร?”

นึกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแก้แม่ด้วย แต่คิดแล้วถ้าเป็นอำนาจวาสนาของตัว เวลาตัวเองถึงยามผู้แก่เฒ่าขึ้นมา เวลาจะเสียชีวิต “เราควรจะตายที่ไหน?” บอกแล้วก็ไปตายที่ในห้องคลอด พอเดินไปกราบลาพระพุทธเจ้าแล้วกลับไปบ้าน แม่เห็นลูกมานะ “โอ้โฮ.. ลูกเราบวชตั้งแต่หนุ่มจนแก่ มานี่คงจะมาสึก” เห็นไหม พอมาจะสึก ก็คิดอย่างนั้น พระสารีบุตรรู้วาระจิตของแม่นะ ก็ยังสังเวชเลย

นี้พอเข้าไปแล้ว ตกเย็นคืนนั้นท่านเป็นโรคถ่ายท้อง พอถ่ายท้อง ถ่ายออกมานี่เป็นเลือดเลย พอถ่ายเป็นเลือดเทวดามาแล้ว เขาพูดถึงเทวดานี่ ฮินดูเขานับถือเทวดา เราบอกเทวดามาอุปัฏฐากพระสารีบุตร พอหัวค่ำเทวดามา ลำแสงพุ่งมา เพราะต้องการให้เห็นด้วย แม่เห็นแล้วไปถามลูก

“นี่ใครมา?”

“เทวดามาอุปัฏฐาก”

โอ้โฮ.. เขากราบไหว้เทวดา ทำไมเทวดามาอุปัฏฐากลูก? ก็ชักเอะใจ ก็ยังไม่ลงใจเพราะทิฏฐิของแม่กับลูก สุดท้ายแล้วพอเริ่มถึงเที่ยงคืน พรหมมา แสงสว่างกว่า ดีกว่า

“นั่นใครมา?”

“พรหมมา”

“อู๊ย.. พรหมมาเหรอ? พรหมมาทำไม?”

“เพราะพรหมมาอุปัฏฐาก” ...พอเริ่มใจชักอ่อน

“แม่! เทวดา อินทร์ พรหมนี่เป็นแค่ผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าเท่านั้นล่ะ”

รัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึก มันเปลี่ยนแปลงสภาพของจิตใจเราได้ เราเคารพบูชาอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของอย่างที่ว่าธรรมะที่มัน...คนหลับใหลอ้อนวอนขอเอา มันก็ได้เท่านั้นล่ะ แต่ถ้าคนตื่นขึ้นมา มันพลิกแพลง มันแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ได้

นี่พระอรหันต์ในบ้าน พระสารีบุตรไปเอาแม่เป็นพระโสดาบันขึ้นมา พอบรรลุธรรมขึ้นมา ร้องไห้เลยนะ “ลูกไม่รักเรา ถ้าลูกรักเรา ลูกต้องแก้ไขเราก่อนหน้านี้แล้ว ลูกไม่รักเรา” เมื่อเย็นนี้เดินกลับมายังว่าลูกจะมาสึกอยู่เลย ลูกจะมาเอาสมบัติอยู่เลย เห็นไหม หัวใจเวลามันเปลี่ยน คนตื่นอยู่มันแก้ไขเหตุการณ์ พอหัวใจมันตื่นขึ้นมา โอ้โฮ..ซาบซึ้งมากนะ ซาบซึ้งมาก พระสารีบุตรไปแก้แม่แล้วถึงปรินิพพานไป

นี่ก็เหมือนกัน แล้วยังพูดอีกบอกว่า เขาพูดถึงพ่อแม่ มันมีตระกูลหนึ่งเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีเลย แล้วลูกป่วย ตระหนี่มาก กลัวว่าถ้าเจ็บไข้ได้ป่วย ใครมาดูแลมาเยี่ยมจะมาเห็นสมบัติของเราจะมาขอสมบัติของเรา เอาลูกไปไว้หน้าบ้านนะ พระพุทธเจ้าเห็นว่าจิตใจควรจะได้ประโยชน์ เช้าไปบิณฑบาต ฉายแสงไปเลย ฉายแสงไปถึงคนป่วย หันมาเห็นแสงพระพุทธเจ้า โอ้โฮ..สุขใจมาก แล้วคนป่วยมันคนไข้ขั้นสุดท้าย...ก็ตายลง เห็นฉัพพรรณรังสีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ไปเกิดเป็นเทวดา

พอไปเกิดเป็นเทวดา เห็นพ่อไง พ่อรักลูกมากนะ รักมาก รักลูกนี่รักมาก พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก รักลูกมาก แต่ก็ตระหนี่มาก ตระหนี่ทั้งสมบัตินะ ลูกตายไปแล้วเอาไปฝัง แล้วก็ไปนั่งโอดครวญ ไปเฝ้าที่หลุมฝังศพ ไปโอดไปรักถึงลูก ลูกชายไปเกิดเป็นเทวดา

พอลูกชายไปเกิดเป็นเทวดาก็อยากจะโปรดพ่อ ก็ลงมาเลย ลงมาปลอมเป็นคนเป็นบุรุษไป ก็ไปร้องไห้บ้าง ไปร้องไห้อยู่ข้างพ่อ พ่อก็ร้องไห้ก็คิดถึงลูกนะ ไอ้เทวดาที่แปลงกายมาก็ร้องไห้ จนพ่อเขาถามว่า

“เอ็งร้องไห้ทำไม?” นี่พระไตรปิฎกนะ

เทวดาบอก “ร้องไห้นี่อยากจะเอาดาวเอาเดือน เอาพระจันทร์”

พ่อเดิมว่า “มึงจะบ้าเหรอ? เอาดาวเอาเดือนได้อย่างไร มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!”

ก็ย้อนกลับเลย “แล้วเอ็งไม่บ้าเหรอ? คนตายไปแล้วร้องไห้ มันจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร?”

ช็อกเลย เห็นไหม ไปช็อกให้พ่อหูตาสว่าง ถึงว่าเกิดเป็นเทวดานี่เกิดจากบุญกุศล บุญกุศลมันก็เป็นเรื่องของวัฏฏะ ทำบุญกุศลได้บุญกุศลหมดล่ะ สละอย่างไรก็ได้บุญกุศลหมด สิ่งที่ทำนี่เป็นของเราทั้งหมด

แต่บุญกุศลเป็นอามิส เพราะอะไร? เพราะจิตมันพัฒนาการ เพราะหัวใจนี่สิ่งของวัตถุมันมาวัดได้อย่างไร? มันมาไม่ได้หรอก มันไม่มีชีวิต ต้องบุคคลไปเอามันมา แล้วบุคคลเราไปเอามันมาได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีปัจจัยไปแลกเปลี่ยน แล้วปัจจัยมาจากไหน? ปัจจัยมาจากการงานของเรา แล้วการงานมาจากไหน? ก็มาจากหัวใจของเรา เพราะว่าเราไม่คิดทำงานได้ไหม เราไม่ปรารถนาทำอะไรได้

ถ้าเราทำได้ปั๊บ สิ่งนี้เกิดขึ้นมาเพราะหัวใจอยากสละ หัวใจต้องการที่จะทำบุญกุศล บุญกุศลนี่ก็ย้อนกลับมาที่ใจ สิ่งที่จะสละออกไป เราบอกว่า “คนให้เป็นคนได้ทั้งหมด” เมื่อวานเขามาทำบุญด้วย ก็โลกมองว่าพระเอาเปรียบสังคม พระเป็นคนรับ ทุกอย่างเป็นของพระ พระบอกทำบุญ ๆ มา ทำมาถวายพระ พระได้ ๆ

พระได้อะไร? ฉันด้วยความเป็นหนี้ สรรพสิ่งนี้เป็นของเขาทั้งหมด นี่เนื้อนาบุญ เนื้อนา เห็นไหม เขาทำนากัน เขาทำไร่กัน เวลาเขาเก็บดอกออกผลของเขา เจ้าของเขาเก็บออกไป แล้วที่ดินมันได้อะไร?

นี่ก็เหมือนกัน มันได้อะไร มันได้เศษไง ได้เศษใบไม้ ได้เศษฟาง เศษหญ้า เศษต่าง ๆ แต่เศษฟางเศษหญ้าที่นี่เราจะทำของเราขึ้นมาอย่างไร? สิ่งที่ทำมา ถ้าหัวใจมันเป็นธรรมมันจะเห็นสภาวะแบบนี้ แต่ถ้าสิ่งที่เป็นโลก ผู้ที่บอกให้สละทาน ๆ ก็เป็นคนได้รับนี่ ถ้ามันมองกันแต่วิทยาศาสตร์ มองแต่วัตถุก็อย่างนี้ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

แต่ศาสนาไม่ได้สอนตรงนี้ ศาสนาสอนเรื่องหัวใจ ศาสนาสอนเรื่องนามธรรม สุขทุกข์ มันสุขมันทุกข์เหรอ โกดังนะ เขาทำโรงงานเป็นโกดัง ๆ เก็บไว้ ถ้าเขาระบายสินค้าไม่ได้ โรงงานมันเจ๊งเลย สิ่งของวัตถุที่สร้างมา มันมีสุขมีทุกข์ไหม? ...ไม่มี หัวใจของคนสร้างมัน หัวใจของคนเป็นเจ้าของ ขายได้เขาก็ได้เงินทองของเขามา หัวใจผู้ที่ทำมา หัวใจของเขาต่างหากเป็นบุญกุศลอันนั้น

แล้วหัวใจของเราผู้ที่มีจิตใจที่สละออกไป จิตใจของเราเป็นผู้สละออกไป สละสิ่งนี้ออกไปเพื่อโลกไง เพื่อโลกมันเป็นอามิส เห็นไหม โลกเป็นอามิส ถ้ามองกันอย่างนี้มันจะเห็น ถ้าหัวใจมันละเอียดขึ้นมามันจะเห็นสภาวะแบบนั้น แล้วผู้ให้ ดูสิ ดูเวลาเทวดามาถามพระพุทธเจ้าว่า “พระอินทร์มีจริงไหม?” ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าบอก “โฮ่.. อย่าพูดเลยว่าเทวดา พระอินทร์ นรกสวรรค์มีจริงหรือเปล่า แม้แต่เหตุให้เกิดนรกสวรรค์เรายังรู้เลย”

เพราะว่าที่พระพุทธเจ้าไปโปรดเขานี่ไปสวรรค์กันหมด นี่พูดถึงผู้ที่ทำสาธารณะประโยชน์ ทำแหล่งน้ำ ทำถนนหนทาง ศาลาพักริมทาง นี่ไปเกิดเป็นพระอินทร์ก็มีในพระไตรปิฎก เพราะฮินดูมีเมีย ๔ ก็ทำศาลาแหล่งน้ำ ไอ้เมีย ๓ คนก็ช่วยทำด้วย เมียอีกคนคิดว่าของสามีทำก็เป็นของเราด้วย นี้พอทำไป ผู้ที่ฉลาด เห็นไหม ชื่อนางสุธรรมาที่ศาลาอยู่บนสวรรค์ เอาแต่ป้ายเลย พอขึ้นไปนี่พอทำเสร็จแล้วพอเสียชีวิตก็ไปเกิดเป็นพระอินทร์

พระอินทร์นี่มีเมียตั้ง ๔ คนใช่ไหม หันไป ๓ คนนี่ โอ้โฮ..มาอยู่กับเราหมดเลย แล้วอีกคนไปไหน นู่น..นกกระยางนู่นน่ะ ไปเกิดเป็นนกกระยาง ไปกินปลาอยู่ จนพระอินทร์ต้องไปเทศน์สอน ไปเตือนสติไง “เราอยู่ด้วยกันมา เราสร้างบุญกุศลอะไรกันมา ทำไมมาเป็นอย่างนี้?” ก็ต้องถือศีล ถือศีลแล้วกลับขึ้นไปอยู่ด้วยกัน นี่อยู่ที่การกระทำ

แม้แต่สิ่งที่ให้เกิดเป็นพระอินทร์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังวางหลักการ หลักการอย่างนี้มันมีอยู่โดยจริง มันเป็นเหมือนทางวิทยาศาสตร์เลย วิทยาศาสตร์นะ พูดถึงเราทดสอบทางทฤษฎีแล้วต้องให้ผลค่าตอบแทนเป็นอย่างนั้น ไอ้บุญกุศลนี่เป็นอย่างนี้หมดเลย แล้วสิ่งนี้มันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เนื้อนาบุญมันไม่มีคุณค่า

การกระทำของเรา ดูสิ อย่างสารเคมีถ้าเราผสมกัน เราทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ถ้ามันไม่มีคุณค่าที่มันสะอาด มันก็จะให้ผลตอบแทนไม่เป็นแบบบุญกุศลที่เราสร้างในศาสนานี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้สอนให้ทำบุญกับเนื้อนาบุญของโลก เลือกเนื้อนาไง ถ้าเนื้อนาเป็นประโยชน์ขึ้นมา คุณค่าของเราจะมหาศาลเพิ่มทับทวีคูณเลย พูดถึงถ้าเนื้อนาบุญไม่ดี ผลมันก็ต่ำลง

สิ่งนี้มันเป็นสัจจะความจริงอยู่แล้ว มันเป็นข้อเท็จจริงตามข้อเท็จจริงตามวิทยาศาสตร์เลย แต่ถ้าพระพุทธเจ้าไม่มาตรัสรู้นะ โลกมีแค่นี้ แต่เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาที่ไหน ที่อาสวักขยญาณ ที่หัวใจ ที่ความเป็นไปของมรรคญาณ ในศาสนาพุทธสำคัญตรงนี้ สำคัญที่ว่าพระบวชขึ้นมาที่ว่าเนื้อนาบุญของโลก ถ้าได้ฉันอาหาร ได้ใช้ปัจจัยของคฤหัสถ์เขา แล้วเราพยายามปฏิบัติของเราขึ้นมา นี่บุญเกิดตรงนี้ บุญเกิดทับทวีคูณตรงนี้

ทีนี้ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมา มันก็เป็นความจริงใช่ไหม แต่พอพูดถึง ทุกคนเห็นไหม พระมาจากไหน? ก็พระมาจากคน คนดีก็มี คนเลวก็มี พระดีก็มี พระเลวก็มี ไอ้พระเลว ๆ มันก็ไปแหกตา มันก็ไปทำให้สังคม ทำให้ศาสนาเสื่อมคุณค่าไป เราไปเห็นสภาวะแบบนั้นแล้วเราก็ทนไม่ไหว ศาสนาพุทธมันเสื่อม เสื่อมที่ไหน?

พระพุทธเจ้าถึงบอกไง “ศาสนาพุทธนี่เสื่อมเพราะลูกเราทั้งนั้น ศาสนาพุทธไม่เสื่อมจากคนนอก ศาสนาพุทธเสื่อมจากบริษัท ๔ จากภิกษุ ภิกษุณีที่ทำกันอยู่นี่ ที่แตกแยกกันอยู่นี่ ที่ทำลายกันอยู่ข้างในนี่”

ถ้ามันทำลาย เพราะอะไร? เพราะมารมันอยู่ในหัวใจ ถ้ามารอยู่ในหัวใจ มารมันทำลายก่อน มารทำลายคนตั้งใจความคิดก่อน เพราะมันเห็นแก่ตัว มันเอาเปรียบ มันต้องการสะดวกสบายทั้งหมด กิเลสมันต้องการความสะดวกสบาย ความสะดวกสบายเป็นเรื่องของกิเลสหมดนะ

แล้วเวลาพระปฏิบัติของเราขึ้นมา ปฏิบัติเพื่อใคร? ก็ทรมานกิเลสไง ธุดงควัตรเพื่ออะไร? เพื่อขัดเกลา มันอยากจะสะดวกอยากจะสบาย อยากจะนอนเฉย ๆ ไม่ต้องเคี้ยวด้วยนะ ป้อนให้เข้ากระเพาะไปเลย มันต้องการอย่างนั้นหมด เรื่องของกิเลสไง

แต่พระพุทธเจ้าวางหลักธรรมวินัยไว้ เราเคารพ เราเชื่อมั่น เราถึงต้องดัดแปลง ต้องแก้ไข มันจะทุกข์มันจะยาก ทุกข์จริงๆ นะ บางอย่างนี่ทุกข์ อย่างการกระทำนี่แม้แต่จะ... “โทษนะ แม้แต่จะฉันอาหารนี่ก็ทุกข์ ดูสิ เวลามาทีหนึ่งกองเป็นแพเลย กว่าจะตักอาหารเสร็จนะ โอ้โฮ... เหงื่อท่วมตัว แค่นั้นน่ะ ทุกข์จริง ๆ” ทีนี้มันก็อยู่ที่เขาศรัทธา อยู่ที่ความเป็นไปของโลก มันทุกข์ ๆ ๆ

เวลาสิ่งต่าง ๆ การเคลื่อนไหวไป เห็นไหม มันเป็นการเคลื่อนไหว ดูสิ นักกีฬา เราออกกำลังกายเหงื่อออก เหงื่อไหลไคลย้อย มันก็ให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมา นี่ก็เหมือนกัน สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมาเพราะน้ำใจของเขา อะไรมันก็คิดออกไปอีกประเด็นหนึ่ง มันเป็นน้ำใจของเขา เป็นสิ่งที่เขาเชื่อถือ เขาต้องการแสวงหาเขาก็ทำของเขา ไอ้เราตอบสนองเขาอย่างไร มันต้องมีหนักมีเบาไง ในวงของเรา ในครอบครัวเราก็วงของเรา ในครอบครัวของเพื่อนฝูงเรา วงศาคณาญาติของเรา มันออกไปเป็นชั้น ๆ เข้าไป

ในวงปฏิบัติก็เหมือนกัน ในวงปฏิบัติจะทำตัวอย่างไร? ในวงของออกไปปฏิสันถารกับญาติโยมทำตัวอย่างไร? ในวงของสังคมโลกจะทำตัวอย่างไร? ในวงของจิตวิญญาณทั้งหมดจะทำตัวอย่างไร? ถ้าเป็นดวงตาของโลก มันเป็นสภาวะแบบนั้น แต่ถ้าเรามันตาบอดปั๊บ ถือกฎตายตัว กฎหมายต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนั้น...ต้องเป็นอย่างนั้นก็เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นวิทยาศาสตร์มันก็แข็งกระด้างเข้าถึงใจไม่ได้

แต่ถ้ามันเป็นธรรม เห็นไหม มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด มันมีหยาบมีละเอียดเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป มันจะพัฒนาขึ้นมาของมัน ถ้าจิตมันมีครูมีอาจารย์ มันต้องมีพัฒนาการของมัน ไม่ใช่บวชมาเป็นพระอรหันต์เลย...ไม่มีหรอก! ขิปปาภิญญาเท่านั้น โกนผมแล้วเป็นพระอรหันต์น่ะมี แต่มีเพราะเขาสร้างบุญญาธิการของเขามา ต้องมีคนสร้างมา เราไม่ฝากธนาคารไว้ ไปเบิกไม่ได้หรอก เงินไม่มีไปกดอย่างไรก็ไม่ออก มีเงินถึงกดออก

จิตเหมือนกัน ถ้าได้สร้างบุญกุศลของมันมา ทำแล้วมันเป็นไป ถ้าไม่มีบุญกุศล ทำแล้วมันจะเป็นไปไหม? นี่มันก็ย้อนกลับมาที่ทานนี่ไง “ทาน ศีล ภาวนา” เราสะสมของเราไว้ สร้างบุญของเราไว้ เป็นประโยชน์กับเรา ทำทุกอย่าง โลกนี้ไม่มีของฟรี ถึงบอกว่า “ผู้เสียสละเป็นผู้ได้” นี่ธรรมนะ

แต่ทางโลกผู้เสียสละเป็นคนเสียเปรียบ ผู้รับเป็นผู้ได้... ไม่ได้หรอก! ผู้รับไม่ได้ เป็นหนี้หมด เป็นหนี้ทั้งนั้น จะใช้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง เป็นหนี้ทั้งนั้นเลย แต่ผู้ที่ให้เขาเป็นเจ้าของหมดเลย ของเขาหา เป็นเจ้าของ

แต่ถ้าเป็นผู้ที่บริสุทธิ์แล้ว ไม่มีหนี้! ไม่มีหนี้! เป็นกิริยาเฉย ๆ เป็นกิริยาการเคลื่อนไหวเฉย ๆ เพราะจิตมันไม่มีสิ่งใดแล้ว นี่เนื้อนาบุญที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างนี้มันถึงจะให้คุณค่ามาก เพราะมันไม่มีผู้ทุจริตในสิ่งนั้น แต่ถ้าจิตมันถือทุจริตอยู่ “อันนั้นดีกว่าอันนี้ อันนี้ดีกว่าอันนั้น อันนั้นดีกว่าอันนั้น”

แต่ถ้าจิตมันบริสุทธิ์แล้ว ค่าเหมือนกันหมด! บุญเหมือนกันหมด! เสมอภาคเหมือนกันหมด แล้วสิ่งนั้นจะตอบสนองกลับมาใจเราเหมือนกันหมด เอวัง